SMEs นับว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในหลายมิติ ทั้งทางด้านการผลิต การจ้างงาน หรือการลงทุน เป็นพลังมวลใหญ่ที่ทำให้ประเทศเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ในประเทศไทยมีผู้ประกอบการมากกว่า 90% เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) แต่ก็เหมือนสวรรค์แกล้งเมื่อธานอสสวมถุงมือ The Infinity Gauntlet แล้วดีดนิ้วเพียงเปราะเดียว SMEs ของประเทศไทยก็หมดสิทธิ์ไปต่อถึง 50% ส่วนที่เหลือก็เข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันอันดุเดือด ในยุคดิสรัปชั่น (Disruption) ที่ต้องนำเสนอความแตกต่าง ความโดดเด่น สร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งองค์ความรู้ เพื่อจะพาธุรกิจฝ่าการแข่งขันรอบด้านไปให้ได้
คุณอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “โลกที่หมุนอยู่ท่ามกลางกระแสดิสรัปชั่น (Disruption) เราจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบและเร่งรีบ เพื่อเพิ่มการเรียนรู้และสร้างทักษะใหม่ (New Skill Set) ให้ทันท่วงที ซึ่งเอสเอ็มอีจะปรับตัวได้ทันเกมและเข้าใจความท้าทายใหม่ที่กำลังเผชิญ ต้องค้นหาวิธีการรับมือการเปลี่ยนแปลง พร้อมเพิ่มองค์ความรู้ใหม่เพื่อให้เอสเอ็มอีไม่ใช่เพียง “อยู่รอด” แต่ต้อง “อยู่ได้” และสามารถร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับองค์กรใหญ่ๆ ของประเทศไทยในอนาคตได้ แล้วเราจะมีสูตรกลยุทธ์สู่ความสำเร็จหรือไม่ เราต้องเรียนรู้องค์ความรู้อะไรใหม่บ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้ถ้ารู้ว่าเราต้องเผชิญกับอะไร และเสริมการเรียนรู้อย่างไร”
5 ความท้าทายของเอสเอ็มอีในโลกยุคดิสรัปชั่น (Disruption)
ซึ่ง SEAC ได้นำเสนอ 5 มุมมองวิธีการรับมือ เป็นแนวทางให้เอสเอ็มอีสามารถเตรียมตัวรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
คือสร้างการตระหนักรู้ถึงความจำเป็นที่องค์กรจะต้องเปลี่ยนแปลง การสร้างขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงตามลักษณะธุรกิจ รวมถึงการรับมือกับการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน เพื่อที่จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิผล
นอกจากเรื่อง 5 ความท้าทายของโลกยุคดิสรัปชั่น (Disruption) และ 5 วิธีการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งหนึ่งที่เราต้องเสริมเพิ่มเติมคือการเรียนรู้ด้วยองค์ความรู้ใหม่ 4 ประการ ที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรมีซึ่งจะเป็นเสมือนกุญแจทองคำในการไขสู่ยุคใหม่ของการดำเนินธุรกิจในอนาคต
1. องค์ความรู้จะเกิดขึ้นด้วย “เลนส์ในการมองใหม่”
เอสเอ็มอี ต้องรู้จักปรับมุมมองใหม่ หรือ Mindset เพราะ “คนเราจะมองเห็นแต่ในสิ่งที่มองหา” เราต้องรู้จักเปิดใจยอมรับมุมมอง วิธีคิด และผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเลนส์ใหม่ของคนที่เรากำลังสนทนา หรือดำเนินธุรกิจด้วยกัน เพราะเมื่อเราปรับ Mindset แล้ว เราจะสามารถนำพาองค์กรไปสู่มิติการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เปิดกว้างมากกว่าเดิม
2. องค์ความรู้จะเกิดขึ้นด้วย “การทำงานที่เร็วขึ้น”
เมื่อเราทำงานเร็วขึ้น เราจะพบข้อผิดพลาดเร็วขึ้น วนเป็นวงโคจรเป็นเหมือนการสั่งสมประสบการณ์ให้มีความมั่นคงและแข็งแกร่งในอนาคต เมื่อเปรียบเทียบกับเอสเอ็มอีที่ทำงานช้าเพราะกังวลว่าจะเกิดข้อผิดพลาด สิ่งนั้นจะเป็น เกราะป้องกันไม่ให้เอสเอ็มอีสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเวลาเจอข้อผิดพลาด เพราะยิ่งเอสเอ็มอีเหล่านั้นทำงานช้าย่อมมีประสบการณ์ในการรับมือและแก้ไขสถานการณ์ช้าตามไปด้วย
3. องค์ความรู้จะเกิดขึ้นด้วย “การเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด”
เกิดเป็นคำถามที่ว่าเอสเอ็มอีทำงานเร็วขึ้น แต่ทำไมไม่ก้าวหน้า สาเหตุหนึ่งมาจากการที่เอสเอ็มอีนั้น เกิดความผิดพลาดแล้ว แต่ไม่เรียนรู้และพัฒนามุมมองจากจุดที่ผิดพลาด เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และถ้าเรายังเกิดความผิดพลาดและอยู่กับที่เรื่อยๆ ก็จะเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่จะดึงองค์กรกลับมาได้ลำบากขึ้น จนองค์กรจะชะลอความสำเร็จและชะลอการเรียนรู้ในที่สุด
4. องค์ความรู้จะคงอยู่ ต่อเมื่อรู้จักเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
เอสเอ็มอีต้องมี “ทัศนคติที่อยากจะเรียนรู้” และ “วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม” เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่ความสำเร็จ จนในที่สุดองค์กรสามารถยืดหยัดเคียงคู่กับองค์กรใหญ่ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต
ซึ่ง SEAC ได้สร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดของโลกขึ้นมาได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ “4Line Learning” โดยนำเสนอการเรียนรู้ผ่านโมเดลที่ชื่อ “YourNextU” เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ที่สามารถตอบสนองสไตล์การเรียนรู้ของคนทุกเพศทุกวัยและของแต่ละคน พร้อมอัพเดทสิ่งใหม่ๆ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างทันท่วงที ท่ามกลางโลก Disruption ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ ร่วมเปิดโลกแห่งการเรียนรู้และค้นหาทักษะเพื่อพัฒนาตนเองได้แล้วกับ SEAC พร้อมสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดชีวิตกับ YourNextU โมเดลการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ที่ให้คุณเรียนรู้ในรูปแบบไม่จำกัดได้ตั้งแต่วันนี้ที่ www.yournextu.com